ไหนๆ ก็เป็นวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์แล้ววันนี้ทางเรา ขออาสาพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปดูกันว่า ‘มีดีลใหญ่ๆ ไหนบ้างที่เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของตลาดหน้าร้อน’ พร้อมแล้วไปดูกันเลย
เรื่องการงอแงขอย้ายทีมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย และ ดิมิธ่า เบอร์บาตอฟ ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้ดีกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2 ซีซั่น แต่พอมีข่าวว่าทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจ พฤติกรรมเขาก็เปลี่ยนไป โดยประท้วงสโมสรไม่ยอมลงสนามในช่วงเปิดซีซั่น 2008-09 จนสุดท้าย “ไก่เดือยทอง” ต้องยอมปล่อยตัวมาให้กับ “ปีศาจแดง” ด้วยค่าตัวประมาณ 30.75 ล้านปอนด์ ถึงแม้สไตล์การเล่นจะดูขี้เกียจ แต่ดาวยิงมาดอาร์ตกลับซัลโว ได้มากถึง 56 ลูก พร้อมจารึกแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 สมัย
จากผลงานที่ โคล้ด มาเกเลเล่ ได้สร้างเอาไว้ให้กับทั้งทีมชาติฝรั่งเศส และ เรอัล มาดริด สร้างความตื่นเต้นให้กับสาวก เชลซี เหลือเกิน เพราะอีกเพียงแค่อึดใจเดียวก่อนปิดตลาดซัมเมอร์เมื่อปี 2003 “สิงห์บลูส์” ได้ตัว มาเกเลเล่ จาก “ราชันชุดขาว” ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ พร้อมสัญญา 4 ปี โดยขณะนั้นแม้ว่านักเตะจะอายุปาเข้าไป 30 ปี แล้ว แต่ผลงานยังคงสุดยอดเช่นเดิม ตลอด 5 ฤดูกาล เจ้าตัวลงสนามไป 217 นัด คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองได้ 2 สมัย เช่นกัน
แอชลี่ย์ โคล ถูกจารึกไว้ว่าเขาคือนักเตะที่อยู่ในยุคแชมป์ไร้พ่ายกับ “ไอ้ปืนใหญ่” เมื่อปี 2003-2004 แต่กระนั้นสาวก “ไอ้ปืนใหญ่” ตราหน้าเขาว่า “จูดาส” หรือ ไอ้คนทรยศ เมื่อเจ้าตัวแอบไปเจรจาลับหลังสโมสร เพื่อย้ายไปอยู่กับ เชลซี ก่อนที่ดีลดังกล่าวจะลุล่วงและเสร็จสิ้นในวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ เพียงแค่ 5 ล้านปอนด์ โดยเป็นการย้ายสลับขั้วกับ วิลเลี่ยม กัลลาส ซึ่งในเวลาต่อมา โคล ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลก แต่กระนั้น โคล ไม่สามารถลบล้างคำว่า “ทรยศ” ออกไปจากใจแฟนบอล อาร์เซน่อล ได้เลย
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2008 แฟนบอล เชลซี ต้องอดหลับอดนอน เพราะตั้งตารอคอยได้ตัว โรบินโญ่ หลังมีการเจรจากันแล้ว แต่สุดท้าย “สิงห์บลูส์” ดันไปมือลั่น สกรีนชื่อ “โรบินโญ่” ลงบนชุดแข่ง ทั้งที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ นั่นเป็นสาเหตุทำให้ดีลล่มลงไป จนสุดท้ายก็เซอร์ไพรส์สุดๆ เมื่อ โรบินโญ่ ตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 32.5 ล้านปอนด์ ก่อนจะเปิดตัวได้อย่างเปรี้ยงปร้าง แต่หลังจากนั้นเส้นทางของเขาก็เริ่มถดถอยลงไปเรื่อยๆ
ชื่อเสียงของ เวย์น รูนี่ย์ กระฉ่อนไปทั่ว หลังซัดลูกแจ้งเกิดใส่ อาร์เซน่อล พร้อมสร้างสถิติเป็นนักเตะเด็กสุด ที่ทำประตูได้ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จ้องตาเป็นมัน และสุดท้ายก็ได้ลายเซ็น รูนี่ย์ มาเสริมทัพวันสุดท้ายก่อนตลาดปิด ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ อาจดูเป็นเม็ดเงินที่สุ่มเสี่ยง แต่ทว่า รูนี่ย ตอบแทนคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ หลังขึ้นแท่นเป็นดาวซัลโวตลอดกาลให้กับ “ปีศาจแดง” ไปถึง 253 ประตู พร้อมนำสโมสรเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก 5 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
สาเหตุที่นำ เมซุต โอซิล มาไว้เป็นเบอร์ 1 ก็เพราะเป็นดีลที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในวันสุดท้ายของตลาดซื้อ-ขาย เลยก็ว่าได้ โดยเพลย์เมกเกอร์ชาวเยอรมัน ตัดสินใจเก็บข้าวของย้ายจาก เรอัล มาดริด มาอยู่กับ อาร์เซน่อล ด้วยเม็ดเงิน 42.5 ล้านปอนด์ ก่อนปิดตลาดช่วงซัมเมอร์ ปี 2013 ซึ่ง ณ ตอนนั้น สร้างความตื่นเต้นให้กับสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” เหลือเกิน ถึงขั้นที่ป่าวประกาศไปว่า “ตัวเดียวเสียวทั้งลีก” เนื่องด้วย โอซิล โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังเป็นแกนหลักให้กับ อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่
ในช่วงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยากได้แนวรุกระดับบิ๊กเนมมาเสริมแกร่งช่วงซัมเมอร์ปี 2015 วันสุดท้ายของตลาดซื้อขายแฟนบอล ‘เร้ด เดวิลส์’ ดูเหมือนจะรู้สึกงงไม่ใช่น้อยกับการที่สโมสรทุ่มเงินเกือบๆ 40 ล้านปอนด์คว้าตัว อองโตนี่ มาร์กซิยาล มาจาก โมนาโก หลายคนงงว่าเด็กอายุ 19 ปีในตอนนั้นทำไมค่าตัวแพงจัง แถมฟอร์มก็ไม่ได้เฉิดฉายมากมายนัก แต่จากนั้นไม่นานไอ้หมอนี่ก็กลายมาเป็นขวัญใจของแฟนบอล หลังซัลโวประตูชัยพา แมนฯ ยู เชือด ลิเวอร์พูล สรุปผลงานปีนั้น มาร์กซิยาล กลายเป็นขุมกำลังสำคัญไปโดยปริยายและซัดไปมากถึง 17 เกม
การเข้ามาของ อันโตนิโอ คอนเต้ เมื่อปี 2016 เชลซี มีการเสริมทัพที่่น่าสนใจใช้ได้เลยกับการได้ตัว มิชี่ บัตชัวยี่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ มาร์กอส อลอนโซ่ แต่เป้าหมายของ ก็องเต้ ตอนนั้นคือการพรากตัว คาลิดู คูลิบาลี่ มาจาก นาโปลี แต่ไม่ว่าจะตื้อยังไง นาโปลี ก็ไม่ขาย จนท้ายที่สุดในวันสุดท้าย เชลซี ก็เดินเรื่องนำ ดาวิด ลุยซ์ กลับมาค้าแข้งในรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้งในค่าตัว 34 ล้านปอนด์ ก่อนจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในระบบหลัง 3 และพา เชลซี ซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปีนั้น
แฟนๆ ‘ปีศาจแดง’ คงรู้สึกผิดหวังไม่ใช่น้อยนับตั้งแต่ เดวิด มอยส์ ได้เข้ามารับช่วงต่อแทน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะแค่เรื่องการเสริมทัพก็มีปัญหาแล้ว ในยุคที่สโมสจำเป็นต้องสร้างทีมขึ้นมาใหม่แต่กลับควานหาแข้งดีๆ ไม่ได้เลยสักคน อย่างไรก็ตามมันก็ไม่กร่อยไปซะทีเดียวเชียวเพราะในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายปีนั้นอย่างน้อย เดวิด ก็สามารถพาลูกรักอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ ย้ายมาจาก เอฟเวอร์ตัน ส่วนผลงานก็มีทั้งช่วงที่ดีและไม่ดี โดนวิจารณ์ในทางบวกบ้าง ทางลบบ้างปะปนกันไป